ข่าวสาร

ทำไมในปี 2567 นักลงทุนถึงไม่ควรมองข้ามหุ้นจีนและหุ้นไทย

โดยสาเหตุที่ตลาดหุ้นจีนบวกแรงมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน

โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติปรับลดเงินกู้ลง 0.25% 

ปรับลดราคาบ้านหลังแรกจาก 25% สู่ดอกเบี้ยที่ 20% 

รวมถึงการที่ กลต. จีน เดินหน้าสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นจีน เช่น การเปลี่ยนประธานตลาดหลักทรัพย์คนใหม่

อัดเงินพยุงตลาดหุ้น ประคองเศรษฐกิจ 

การที่รัฐบาลสั่งห้าม Short Sell เป็นต้น

ทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง 

สังเกตจาก FundFlow ไหลเข้า ETF จีนมากสุดเป็นประวัติการณ์ ราวๆ 3.5 พันล้านหยวน


โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการสั่ง เฮดจ์ฟันด์ระงับการขายชอร์ตในตลาดฟิวเจอร์

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน หรือ CSRC

ได้สั่งให้ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางแห่งห้ามทำ Short Selling หรือขายชอร์ตในดัชนีตลาดหุ้นล่วงหน้า 

โดย CSRC มีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพในตลาด หลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก

จากการที่ตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลง 13% ในปี 2566 และปรับตัวลงต่อเนื่องในปีนี้ 

โดยถูกกดดันจากการที่นักลงทุนต่างชาติกระหน่ำขายหุ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจีน

กระแสข่าวนี้มีผลกระทบทันที Citic Securities โบรกเกอร์รายใหญ่ของจีน ได้ประกาศระงับการทำ Short Selling สำหรับลูกค้าบางราย หลังจากตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนมีความตั้งใจที่จะกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้น หลังจากความพยายามในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการที่หน่วยงานของรัฐบาลจีนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น ไม่สามารถหนุนตลาดให้ดีดตัวขึ้นได้

ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลจีนพยายามจำกัดการขายชอร์ตในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนอย่างหนัก และมีรายงานว่าทางการจีนได้สั่งระงับการขายชอร์ตเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว เพื่อสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น


อย่างไรก็ตามถ้าเราดูผลตอบแทนในเดือนมกราคม จะพบว่าตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นมากกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก 

เช่น CSI300 +8% ในรอบ 1 เดือน รวมถึง ดัชนี Hang Seng Index +11% เข้าไปแล้ว

เรียกได้ว่า สามารถ Outperform ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา และตลาดทางฝั่งยุโรปอย่างเห็นได้ชัด


คำถาม คือ ถ้าตลาดหุ้นจีนดี เศรษฐกิจจีนดี อาจจะส่งผลเชิงบวกมายังตลาดหุ้นไทย ได้อีกด้วย 

สาเหตุเป็นเพราะว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนการค้าขายกับจีนเป็นอันดับ 1 

และน่าจะเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน


บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า การเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ ประมาณ 6.3 พันล้านบาท

เป็นการซื้อสูงสุดในรอบ 14 เดือน และในระยะถัดไปเราน่าจะเห็น FundFlow ทยอยไหลเข้าเพิ่มเติม และชะลอการขาย

โดยหลักน่าจะเป็นประเด็นบวกจากการพยุงเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน ทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับ 

ประเทศไทยจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และการค้าขายกับจีนที่มากขึ้นตาม

อีกประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ คือ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่จะเกิดขึ้น ในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่จะถึงนี้

น่าจะทำให้ GDP Growth ของประเทศไทยเติบโตได้ราวๆ 3%


ฝ่ายวิจัยมองว่า SET Index ณ ระดับนี้ เป็นจุดที่น่าสนใจ 

และมอง Downside ระดับปัจจุบันไม่มากแล้ว (รับรู้ข่าวร้ายไปมากแล้ว)


ปี 2567 จะเป็นปีที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นไทย

เพราะไม่แน่ว่า ปีนี้อาจจะเป็นที่โดดเด่นของทั้ง 2 ตลาด ก็เป็นไปได้เหมือนกัน


ที่มา https://stock2morrow.com/article/5926

Powered by Froala Editor

Share: